สายพันธุ์
คำว่า “tulip” ในภาษาอังกฤษ มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า ”tulipan” ทิวลิปกลายเป็นสัญลักษณ์ของความฟุ่มเฟือย และแสดง ฐานะของผู้เป็นเจ้าของ ทำให้ยิ่งมีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ มากขึ้น เช่น ทิวลิปที่ทั้งดอกมีสีเดียว อาทิ แดง เหลือง และขาว อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Couleren” แต่ทิวลิปที่เป็นที่คลั่งไคล้กันมากที่สุด
คือทิวลิปสีผสม หรือ “ทิวลิปแตกสี” (broken tulip) ที่มีลวดลายหลายสีในดอกเดียวกัน เช่น “Rosen” (แดงหรือ ชมพูบนพื้นสีขาว) “Violetten” (ม่วงหรือม่วงอ่อนบนพื้นสีขาว) หรือ “Bizarden” (แดง น้ำตาลหรือม่วง บนพื้นสีเหลือง)
ทิวลิปสีผสมจะออกดอกที่มีสีเด่น สะดุดตา และมีลวดลายเป็นเส้น หรือเป็นเปลวบนกลีบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสพืชในกลุ่มไวรัสโมเสก ผู้ปลูกทิวลิปต่างพยายามตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ ให้ เป็นที่หรูหราเริ่มด้วยการตั้งชื่อที่มีคำว่า “แอดมิราล” (Admirael) นำหน้าตามด้วยชื่อผู้ปลูก เช่น “Admirael van der Eijck” เป็นสายพันธุ์ที่แสวงหากันมาก ในบรรดาห้าสิบสายพันธุ์ที่ใช้ชื่อแอดมิราล อีกชื่อหนึ่งที่นิยมกันคือ “เจนเนอราล” (Generael) มีด้วยกันอีกสามสิบสายพันธุ์ หลังจากนั้นชื่อที่ตั้งยิ่งหรูขึ้นไป อีก เช่น ชื่อที่มาจากอเล็กซานเดอร์มหาราช แต่เพราะการตั้งชื่อที่ไม่ได้เป็นระบบ และคุณภาพของสายพันธุ์ใหม่มีระดับที่แตกต่างกันมาก ทำให้สายพันธุ์ เหล่านี้ส่วนใหญ่สูญหายไปหมดแล้ว แต่ทิวลิปแตกสียังเป็นที่นิยมกันอยู่ ทิวลิปเป็นดอกไม้ที่ปลูกจากหัว คล้ายหัวหอม แต่ไม่มีกลีบเหมือนหัวหอมธรรมดา สีขาวเหมือนน้ำนม ปลูกได้ทั้งเพาะเมล็ดและแยกหน่อ ถ้าปลูกจากเมล็ดก็จะใช้เวลาประมาณระหว่าง 7-12 ปีจึงจะออกดอก ทิวลิปจะบานอยู่เพียงอาทิตย์ เดียวช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม หลังจากนั้นจะมีหน่อเล็กๆ แตกขึ้นมา สามารถขุด และย้ายหัวได้ตั้งแต่ราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน
